ไฟกระชาก (Power Surge) และฟ้าผ่า (Lightning Strike) ถือเป็นอันตรายต่อระบบไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งภายในบ้านและโรงงาน เนื่องจากไฟกระชากอาจทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหายหรือเกิดไฟไหม้ ทำให้เราต้องหันมาใช้อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก (Surge Protection Devices หรือ SPD) ซึ่งจะมีการเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากที่เหมาะสม สำหรับการป้องกันความเสียหายจากฟ้าผ่าแตกต่างกันไป
ไฟกระชาก คือ อะไร?
ไฟกระชาก หมายถึง แรงดันไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันในระบบไฟฟ้า ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การสลับวงจรไฟฟ้า การเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ หรือเกิดจากฟ้าผ่า ไฟกระชากมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่อาจมีความแรงพอที่จะทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าของคุณเสียหายได้ทันทีหากไม่มีการป้องกันที่เหมาะสม
ฟ้าผ่ามีผลกระทบอย่างไร ต่อระบบไฟฟ้า?
ฟ้าผ่า คือ กระแสไฟฟ้าปริมาณมหาศาลที่เกิดจากการคายประจุระหว่างชั้นบรรยากาศและพื้นดิน กระแสไฟฟ้าจากฟ้าผ่าอาจกระจายเข้าสู่ระบบไฟฟ้าในบ้านหรือโรงงานผ่านสายไฟฟ้า ทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟกระชาก ซึ่งส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าและระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้รับความเสียหาย
ความสำคัญของการป้องกันไฟกระชากและฟ้าผ่า
การเกิดไฟกระชากและฟ้าผ่าเป็นเหตุการณ์ ที่สามารถทำลายอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านหรืออาคารสำนักงานได้ การเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เพียงแต่จะทำให้อุปกรณ์เสียหาย และต้องซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ แต่ยังสามารถทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตได้เช่นกัน เนื่องจากไฟฟ้าที่ไหลผ่านสามารถทำให้เกิดไฟไหม้หรือระเบิดได้หากไม่มีระบบป้องกันที่ดี การป้องกันจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรใส่ใจและลงทุนอย่างเหมาะสม
อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก คือ อะไร
อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก (Surge Protection Devices หรือ SPD) เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมา เพื่อป้องกันการไหลของไฟฟ้ากระชากเข้าสู่ระบบไฟฟ้าภายในบ้าน โดย SPD จะทำงานเมื่อเกิดไฟกระชากหรือฟ้าผ่าโดยการนำแรงดันไฟฟ้าเกินไปสู่สายดิน และจำกัดแรงดันไฟฟ้าที่จะเข้าถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย
SPD มีหลายประเภทซึ่งแตกต่างกันไปตามระดับการป้องกันและลักษณะการติดตั้ง ดังนี้:
-
- Type 1 SPD: ใช้ติดตั้งที่ตำแหน่งใกล้กับแหล่งจ่ายไฟ เช่น ที่แผงสวิตช์ไฟฟ้าหลัก เป็นอุปกรณ์ที่สามารถทนทานต่อกระแสฟ้าผ่าได้สูงสุด
- Type 2 SPD: ติดตั้งในแผงควบคุมไฟฟ้าเพื่อป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าในระบบภายใน เป็นประเภทที่นิยมใช้ในบ้านหรือสำนักงานทั่วไป
- Type 3 SPD: ใช้ป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าหรืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีความสำคัญ เช่น คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเฉพาะจุด
วิธีการเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก ให้เหมาะสม
การเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากควรพิจารณาหลายปัจจัย เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ที่เลือกสามารถป้องกันไฟกระชากได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสิ่งที่ควรพิจารณามีดังนี้:
1 ขนาดของแรงดันไฟฟ้าที่อุปกรณ์สามารถรับได้
SPD จะมีขนาดของแรงดันไฟฟ้าที่สามารถรองรับได้ในระดับต่าง ๆ ควรเลือกใช้อุปกรณ์ที่สามารถรับแรงดันไฟฟ้าสูงสุดที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ของคุณ โดยอุปกรณ์ Type 1 เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากฟ้าผ่าสูง และอุปกรณ์ Type 2 เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการใช้งานไฟฟ้าทั่วไป
2 การติดตั้งที่เหมาะสม
ตำแหน่งการติดตั้ง SPD มีผลต่อประสิทธิภาพของการป้องกัน ควรติดตั้งอุปกรณ์ที่ใกล้กับจุดที่ไฟกระชากอาจเข้าสู่ระบบมากที่สุด เช่น ที่แผงควบคุมไฟฟ้าหลัก หากเป็นการป้องกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความสำคัญ ควรติดตั้ง SPD แบบ Type 3 ที่ใกล้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นนั้น ๆ
3 มาตรฐานและการรับรองคุณภาพ
อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากควรผ่านการรับรองมาตรฐานสากล เช่น มาตรฐาน IEC 61643-1 หรือ UL 1449 ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงคุณภาพ และความปลอดภัยในการใช้งาน
4 ความทนทานต่อกระแสไฟฟ้าสูงสุด (Maximum Surge Current)
ควรเลือก SPD ที่มีค่าความทนทานต่อกระแสไฟฟ้าสูงสุดที่เหมาะสมกับระบบไฟฟ้าที่คุณต้องการป้องกัน เช่น หากบ้านของคุณอยู่ในพื้นที่ที่มักเกิดฟ้าผ่า อุปกรณ์ SPD ที่มีความทนทานต่อกระแสไฟสูงก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้มากขึ้น
5 อายุการใช้งานของอุปกรณ์
SPD มีอายุการใช้งานที่จำกัด เนื่องจากการทำงานของอุปกรณ์จะเสื่อมลงเมื่อรับไฟกระชากในระยะเวลานาน ดังนั้นควรตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ หรือเปลี่ยนเมื่อพบว่าอุปกรณ์มีสัญญาณเสื่อมสภาพ
ข้อดีของการใช้อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก
การติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากมีข้อดีหลายประการ ดังนี้:
- ปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์: SPD ช่วยลดความเสี่ยงที่อุปกรณ์จะได้รับความเสียหายจากไฟกระชาก และยืดอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้า
- ลดความเสี่ยงจากการเกิดไฟไหม้: การป้องกันไฟกระชากช่วยลดโอกาสที่สายไฟหรือระบบไฟฟ้าภายในบ้านจะเกิดความร้อนและลุกไหม้
- เพิ่มความปลอดภัย: การติดตั้ง SPD ที่เหมาะสมช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับบ้านและผู้ใช้งานไฟฟ้า
บำรุงรักษาอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก บ่อยแค่ไหน
เพื่อให้อุปกรณ์ SPD ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรทำการบำรุงรักษาและตรวจสอบสภาพอุปกรณ์เป็นประจำ โดยสามารถทำได้ดังนี้:
- ตรวจสอบสถานะของ SPD ทุก 6 เดือน หรือหลังจากเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ยังคงใช้งานได้ตามปกติ
- เปลี่ยนอุปกรณ์ทันทีหากพบว่ามีสัญญาณเสื่อมสภาพ เช่น ไฟสัญญาณแจ้งเตือน หรืออุปกรณ์ไม่สามารถป้องกันไฟกระชากได้ตามปกติ
- ตรวจสอบความสมบูรณ์ของสายดิน เนื่องจาก SPD ต้องการระบบสายดินที่มีประสิทธิภาพในการนำกระแสไฟฟ้าลงดินอย่างปลอดภัย
บทสรุป
การป้องกันไฟกระชากและความเสียหายจากฟ้าผ่าเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในบ้านและโรงงานที่มีการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากหรือ SPD เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันความเสียหายจากไฟฟ้ากระชากและฟ้าผ่า การเลือกใช้อุปกรณ์ควรพิจารณาจากขนาดแรงดันไฟฟ้าที่เหมาะสม การติดตั้งที่ถูกต้อง และมาตรฐานที่ได้รับการรับรอง ทั้งนี้ ควรมีการตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบไฟฟ้าตามกฎหมายกำหนด เจ้าของสถานประกอบการต้องมีการตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบ ปีละ 1 ครั้ง โดยผู้ตรวจสอบระบไฟฟ้าต้องมีคุณสมบัติตามกฎหมายกำหนด เพื่อให้สามารถเซ็นต์ใบรองรับการตรวจสอบที่สามารถนำไปยื่นกับเจ้าพนักงาน ได้ตามกฎหมาย
เราขอแนะนำ Electricalcheck บริษัทรับตรวจระบบไฟฟ้าประจำปี โรงงาน อาคาร บ้านเรื่อน จากทีมวิศวกรไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญ มีคุณสมบัติผู้ตรวจสอบถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมเดินทางให้บริการทุก 77 จังหวัดทั่วประเทศ ใช้บริการวันนี้ลดทันที 40%
รายละเอียดบริการ : ตรวจระบบไฟฟ้า ราคาถูก
ติดต่อ : [email protected], โทร : 064-958-7451 (คุณแนน)
อ้างอิง
- International Electrotechnical Commission (IEC). (2012). IEC 61643-1: Low-voltage surge protective devices – Part 1: Surge protective devices connected to low-voltage power distribution systems – Requirements and tests. IEC.
- IEEE Power and Energy Society. (2020). “Surge Protective Devices.” Retrieved from [https://standards.ieee.org/]
- Underwriters Laboratories (UL). (2021). UL 1449 Standard for Surge Protective Devices. UL.